A : ข้อแตกต่างระหว่าง WaterJet, Laser และ Plasma Cutting
Waterjet Cutting ทำการตัดโดยเพิ่มความดันน้ำผสมผสานกับเม็ดทราย (abrasive) ค่าใช้จ่ายในการใช้งานระบบนี้มีราคาถูกกว่าแบบ Laser และไม่ก่อให้เกิดรอยจากความร้อน ซึ่งเหมาะที่จะใช้กับพวกโลหะแข็ง รวมทั้งสามารถตัดวัสดุได้หลากหลายชนิด ได้ผิวรอยตัดที่สวยงาม แต่ใช้เวลานานในการตัด
Laser Cutting ให้ความแม่นยำที่สูงมาก และทำให้รอยที่เกิดจากการตัดโลหะด้วยความร้อนมีขนาดเล็กที่สุด จากกลุ่มของการตัดโดยใช้อุณหภูมิ ตัดได้รวดเร็ว และยังใช้ทรัพยากรที่ประหยัดกว่าแบบ Plasma แต่ค่าใช้จ่ายในการใช้ Laser นั้นมีค่าสูงกว่าระบบการตัดแบบอื่นๆ ในขณะที่ความหนาของวัสดุที่จะทำการตัดมีความจำกัดและอาจจะมีปัญหาในการตัดวัสดุที่สะท้อนแสงได้
Plasma arc Cutting เป็นเทคโนโลยีที่นิยมใช้กันมากในสถานที่ซ่อมบำรุง สามารถที่จะใช้ตัดแผ่นโลหะที่ค่อนข้างหนาได้ ราคาถูกกว่า Waterjet และ Laser ซึ่ง Plasma Cutting แบบระบบไนโตรเจนนั้นเหมาะสำหรับโลหะจำพวก สแตนเลสสตีล , อลูมิเนียม และ นิกเกิล ส่วนแบบระบบออกซิเจนนั้นเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์จำพวกคาร์บอน และไม่ทิ้งพวกตะกอนไนไตรด์
ข้อเสียของ Plasma arc Cutting คือมีอายุการใช้งานที่ต่ำ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าใช้แก๊สชนิดใด ความเชี่ยวชาญของผู้ใช้ และจะเกิดรอยจากความร้อน ทิ้งอยู่บริเวณที่ทำการตัด ซึ่งถ้าทำการตัดโลหะในน้ำนั้นจะช่วยลดขนาดของรอยตัดที่เกิดจากความร้อนได้
ทั้งนี้การจะเลือกใช้วิธีการใดสำหรับงานตัด ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยในหลายๆ ด้านที่กล่าวมา โดยแต่ละกระบวนการก็มีความเหมาะสม ที่แตกต่างกันไป
A : การใช้แรงอัดอากาศช่วยในการตัดโลหะแผ่นด้วยเลเซอร์ ทำให้ประหยัดต้นทุน และทำงานได้รวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้แก๊สไนโตรเจน และอ๊อกซิเจน เนื่องจากง่ายในการจัดเตรียมสำหรับทุกโรงงาน สถานที่ และไม่มีต้นทุนในการส่งถ่ายเข้าสู่เครื่องจักร ปัจจุบันผู้ผลิตและรับจ้างผลิตงานโลหะแผ่นได้นำเอาความได้เปรียบนี้มาใช้ในการตัดด้วยเลเซอร์ โดยเฉพาะเมื่อตัดขอบเพื่อเตรียมการเชื่อม และการทำสีฝุ่น เป็นต้น
ในการเลือกใช้แก๊สที่ใช้ในการตัดโลหะ จะต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น คุณภาพ ต้นทุน ความเร็ว ไนโตรเจนจะให้ผลในการตัดโดยคุณภาพผิวรอยตัดสวยงาม แต่ราคาแพง (ประมาณ 0.50 ดอลล่าร์ต่อ 2.8 ลูกบาศก์เมตร เฉลี่ยการทำงาน 2.2 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ส่วนการตัดด้วยแรงอัดอากาศจะประหยัดกว่า 4 ดอลล่าร์ต่อชั่วโมง หรือมากกว่านั้น โดยปกติแล้ว การเก็บบรรจุไนโตรเจนจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1 ดอลล่าร์ต่อ 2.8 ลูกบาศก์เมตร กรณีนี้สำหรับการใช้แรงอัดอากาศในการตัดจะประหยัดกว่า 8 ดอลล่าร์ต่อชั่วโมงโดยประมาณ
นอกจากประเด็นในเรื่องของการประหยัดต้นทุนแล้ว การตัดด้วยแรงอัดอากาศสำหรับเครื่องตัดระบบเลเซอร์ยังให้ผลดีเยี่ยมในเรื่องความเร็วในการตัด เช่นถ้าต้องการตัดเหล็กรีดเย็นหนา 1.5 มม. ด้วยแก๊สไนโตรเจน กำลังเลเซอร์ 4000 วัตต์ ความเร็วในการตัดจะได้ประมาณ 7400 มม. ต่อนาที แต่ถ้าใช้แรงอัดอากาศจะได้ความเร็วถึง 14000 มม.ต่อนาที (เร็วกว่าถึง 90 เปอร์เซ็นต์)
โดยทั่วไปการตัดด้วยแรงอัดอากาศสำหรับเลเซอร์ จะตัดเหล็กแผ่นได้ความหนาประมาณ ไม่เกิน 2 มม. แต่ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำหน้าของเลเซอร์จาก TRUMPF จึงสามารถตัดได้ถึง 3 มม.สำหรับเหล็กคาร์บอน สเตนเลส และเหล็กกัลวาไนซ์ ด้วยเลเซอร์ 4000 วัตต์ หรือสูงสุดที่ความหนา 4 มม. สำหรับเลเซอร์ 5000 วัตต์ การตัดวัสดุที่หนาขึ้นจะให้ผลของความเร็วในการตัดไม่เทียบเท่ากับเหล็กบาง โดยความเร็วจะอยู่ที่ประมาณ 29 เปอร์เซ็นต์ (สำหรับเหล็ก 3 มม. ตัดด้วย เลเซอร์ 4000 วัตต์) อย่างไรก็ดี การตัดด้วยอากาศก็ช่วยประหยัดต้นทุนค่าแก๊สไปได้มากทีเดียว
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การตัดด้วยอ๊อกซิเจน และไนโตรเจนจะตัดที่ความเร็วช้ากว่าเนื่องจากต้องการผลทางด้านคุณภาพของรอยตัด ดังนั้นการตัดด้วยอากาศจึงอาจจะต้องการการตกแต่งในขั้นตอนสุดท้าย
A : Laser Cutting with the Right Beam Source
การใช้งานเทคโนโลยีเลเซอร์ตัดงานจะใช้เลเซอร์ชนิดไหนดีระหว่าง CO2 หรือ Solid-state เลเซอร์ดี ? ผู้ใช้หลายคนมีคำถามนี้ในพิจารณาเลือกการตัดงานด้วยเลเซอร์ ซึ่งอันที่จริงแล้วลักษณะของชิ้นงานจะเป็นตัวกำหนดว่าควรใช้เลเซอร์แบบใด และยังขึ้นอยู่กับวัสด ุและความหนาของโลหะแผ่นด้วย ในขณะที่ CO2 อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในลักษณะงานอย่างหนึ่ง แต่ขณะเดียวกัน Solid – state เลเซอร์ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการตัดงานอีกประเภทหนึ่ง
CO2 Laser is the Universal Cutting Laser
หากผู้ใช้ต้องการทางเลือกที่ยืดหยุ่นในการตัดโลหะแผ่นหนาและได้คุณภาพการตัดที่มีคุณภาพดี CO2 เลเซอร์ยังคงเป็นลำแสงที่ถือว่าเป็นทางเลือก ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ Solid-state เลเซอร์เมื่อใช้ตัดโลหะแผ่นบาง Solid-state เลเซอร์ยังคงได้เปรียบ แต่ในขณะที่ความยาวคลื่น 10 ไมครอน CO2 เลเซอร์จะแสดงถึงระดับการดูดซึมแสงเพิ่มขึ้นด้วยการเกิดมุมชันที่สูง (มากกว่า 80 องศา) ซึ่งจะส่งผลดีตรงทางออกของลำแสงเลเซอร์ไปยังวัสดุที่จะตัด
Solid-state Lasers with High Feed Rate
สภาพความแตกต่างกันของโลหะแผ่นบาง อันเกิดจากกระบวนการผลิตที่มีอัตราบีบอัดตัวสูงและทำเป็นหน้าตัดแบน จุดนี้จะเหมาะกับ Solid-state laser ด้วยการพัฒนาความยาวคลื่นเป็น 1ไมครอน Solid-state เลเซอร์ ซึ่งเหมาะสำหรับการตัดสแตนเลสที่มีความหนาถึง 4 มม. เมื่อเปรียบเทียบกับ CO2 laser แล้ว Solid-state laser จะตัดได้เร็วกว่า และได้ผลผลิตที่ดีกว่าในระดับของคุณภาพการตัดที่เท่าๆกัน แต่ในทางตรงกันข้าม CO2 laser จะตัดโลหะที่มีความหนาหลากหลายได้ดีกว่ากัน
Lasers Cutting Selection
TRUMPF นำเสนอเครื่องจักรรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Solid-state เลเซอร์เพื่อการตัดได้ทั้ง 2 มิติและ 3 โดยนำแสงเลเซอร์ผ่านสายไฟเบอร์ รวมไปถึงเครื่องตัดลูกผสมระหว่างเลเซอร์ตัดและเจาะฉลุงานโลหะแผ่น และการนำไปใช้ในเทคโนโลยีการเชื่อมด้วยแขนกล ตัวอย่างเช่น เครื่อง TruLaser 5030 fiber เป็นเครื่องตัดระบบเลเซอร์ แบบ2มิติ รุ่นใหม่ ที่ให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่าเลเซอร์แบบอื่นๆ ด้วย Solid-state laser ผ่านสายไฟเบอร์ ในด้านความเร็วในการตัดสูงเมื่อตัดโลหะแผ่นบาง การหลอมจากการตัดเร็วกว่าการตัดด้วย CO2 เลเซอร์ถึง 3 เท่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหนาของวัสดุด้วย และเครื่องรุ่นใหม่ TruLaser Cell 7040 fiber สำหรับกระบวนการตัด และเชื่อมแบบ 3 มิติด้วยแหล่งกำเนิดเลเซอร์ TruDisk เลเซอร์ดิสก์ โดยสามารถทำงานได้ครอบคลุมพื้นที่ขนาด 4 x 1.5 เมตร
A : Skeleton-free processing หรือ การตัดชิ้นงานโลหะโดยไม่ให้เหลือเศษ
ด้วยการพัฒนาโปรแกรมควบคุมเครื่องจักรด้วยคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการจัดวางชิ้นงาน และเศษชิ้นงาน ผลที่ได้คือ เพิ่มความคุ้มค่าของพื้นที่บนแผ่นโลหะได้มากขึ้น กล่าวคือ ชิ้นงานไม่ติดอยู่บนเศษโครงเหล็กอีกต่อไป ผู้ควบคุมเครื่องจักรเองก็ไม่ต้องเสียเวลาหยิบแผ่นเศษโครงเหล็กออกจากโต๊ะเครื่องจักรอีกด้วย นอกจากนี้กระบวนการคัดแยกชิ้นงานที่ตัดแล้วยังได้ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำงานอยู่ภายใต้ระบบการคัดแยกชิ้นงานลงถังอัตโนมัติเพื่อแยกชิ้นงานออกจากเศษโครงเหล็กที่ถูกตัดทิ้ง ซึ่งสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 10% เพราะใช้เนื้อวัสดุคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น โดยใช้แนวการตัดร่วมกันระหว่างชิ้นงานสองชิ้น และได้ชิ้นงานจำนวนมากขึ้น
เนื่องจากกระบวนการนี้ ใช้การตัดแบบ common slit cuts หรือการใช้แนวการตัดร่วมกันระหว่างชิ้นงานหลายชิ้น ซึ่งมีฟังก์ชั่นนี้อยู่แล้วในโปรแกรมมาตรฐาน และมีรูปทรงครบถ้วนพร้อมใช้งานในโปรแกรมดังกล่าว ส่งผลให้การทำงานของเครื่องแม่นยำและรวดเร็ว ทำให้ค่าเวลาต่อชิ้นเท่าเดิมแต่เพิ่มความแน่นอนในกระบวนการผลิตและยังคุ้มค่าอีกด้วย
TRUMPF – New TruPunch 3000 (S11) เป็นเครื่องที่ทำงานได้หลากหลายและเป็นครั้งแรกของเครื่องที่ได้มีการใส่ฟังก์ชั่นพิเศษนี้เข้าไป เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการผลิตชิ้นงานเล็กๆ ซึ่งสามารถตอกโลหะได้หนาสุด 6.4 มิลลิเมตร และ TruPunch 3000 ยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับระบบป้อนชิ้นงานอัตโนมัติในอนาคตอีกด้วย
A : เทคโนโลยีของเลเซอร์ตัดแบบสามมิติ สามารถลดช่วงเวลาที่เครื่องเสียหรือไม่สามารถทำงานได้ (Reducing the downtime)
Wear and Tear
สำหรับการแปรรูปเหล็กประเภทแรงดึงสูงนั้น ผู้ใช้งานมักคำนึงถึงการสูญเสียเวลาไปในขั้นตอนต่างๆ ระหว่างการทำงาน เช่น การเปลี่ยนทูลลิ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร แต่การใช้เลเซอร์ตัดนั้นมีข้อดีคือจะไม่มีการสัมผัสของเครื่องมือในการตัด กับชิ้นงาน เนื่องจากเป็นการใช้ลำแสงเลเซอร์ในการตัด นอกจากนี้จุดหลอมที่เริ่มตัดด้วยเลเซอร์ของเหล็กธรรมดากับเหล็กแรงดึงสูงก็แทบจะไม่ต่างกันเลย และให้รอยตัดที่สวยงาม ในขณะที่การตัดแบบอื่นๆจะเกิดการสึกของแม่พิมพ์หรือทูลลิ่ง หากเหล็กที่ตัดมีความแข็งหรือแรงดึงสูง (High Tensile Steel)
Cycle Time
นอกจากนี้ cycle time ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งการตัดด้วยเลเซอร์สามารถให้เวลาที่สั้นลง ทั้งนี้ข้อเสียเพียงอย่างเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับการตอกเจาะด้วยพั้นช์ชิ่ง ( mechanical punching) ก็คือความเร็วในการตัดที่ช้ากว่า อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีใหม่ๆก็สามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ดียิ่งขึ้น เช่น TruLaser Cell Series 7000 ที่มี อุปกรณ์sensor-supports piercing on-the-fly และ plasma high-speed cutting ที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพ และรวดเร็วขึ้นในการตัด
Availability
อีกปัจจัยที่สำคัญก็คือประโยชน์ใช้สอย ด้วยระบบเลเซอร์ตัดที่ถูกคิดค้น และพัฒนาด้านการใช้งานมาเป็นระยะเวลายาวนานนั้น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจในประสิทธิภาพของเครื่องได้เป็นอย่างดี ระบบการทำงานของเครื่องตัดเลเซอร์นั้นจะเป็นแบบไร้การสัมผัส ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อไม่ให้เกิดแรงกระทำบนชิ้นงาน นอกจากนี้เครื่องตัดเลเซอร์ยังมีข้อดีคือ การใช้อุปกรณ์ข้อต่อแบบแม่เหล็ก (magnetic coupling) ที่อยู่ระหว่าง หัวตัด กับ แกนเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นตัวช่วยลดความรุนแรงเมื่อเกิดการปะทะ ทั้งยังควบคุมลดเวลาที่สูญเสียไประหว่างขั้นตอนการผลิตได้อีกด้วย
Material Flow
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการส่งต่อของวัสด ุและชิ้นงานเข้าสู่ระบบการตัดที่ปะติดปะต่อไม่หยุดชะงัก ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขาดไม่ได้ ทั้งนี้รวมไปถึงตัว rotation exchanger ด้วย เหล่านี้เป็นตัวทำให้โต๊ะงานสามารถโหลดชิ้นงานออกหลังการตัดเสร็จแล้ว ในขณะเดียวกันก็โหลดเอาชิ้นเอาชิ้นงานต่อไปโหลดเข้ามาทำงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถนำเอาแขนกล (robot) มาใช้งานได้อีกด้วย
A : Disk Laser เป็นนวัตกรรมของเลเซอร์ระบบ Solid-state Laser แบบ Diode laser ที่ใช้ Diode Pump เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานทำให้ได้คลื่นแสงขนาดตั้งแต่ 2 ถึง 8 mm x mm rad และด้วยกำลังของเลเซอร์ที่ 1กิโลวัตต์ขึ้นไป จึงสามารถตัดและเชื่อมงานโลหะแผ่นบางด้วยแนวที่ละเอียด สวยงาม รวดเร็ว และแม่นยำ ทำให้ช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้มาก แต่ยังคงประสิทธิภาพการทำงานที่มีความแม่นยำสูง พร้อมทั้งเชื่อมงานเหล็กแผ่นหนาด้วยความเร็วสูง และสร้างรอยตะเข็บที่สวยงาม
TRUMPF TruDisk เป็นเลเซอร์ระบบเลเซอร์ดิสค์ที่ให้กำลังของเลเซอร์ที่ 1-16 กิโลวัตต์ทำงานแบบ plug & play โดยส่งสัญญาณเลเซอร์ผ่านสายไฟเบอร์เลเซอร์ ลดความยุ่งยากซับซ้อน และสร้างความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน
เครื่องตัดและเชื่อมด้วยเลเซอร์ นับว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในทุกๆ อุตสาหกรรมการผลิตในปัจจุบัน การเลือกใช้เครื่องเลเซอร์แต่ละประเภทจึงขึ้นอยู่กับชนิด และความเหมาะสมของงานประเภทนั้น เพื่อให้งานที่ได้มีคุณภาพ มีความความแม่นยำ คุ้มค่าและไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตที่อาจเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น หากเลือกเครื่องตัดเลเซอร์ที่ไม่ตรงกับความต้องการกับงานมาใช้
อ่านเพิ่มเติมที่ : http://www.trumpf-laser.com/en/products/solid-state-lasers/disk-lasers/trudisk.html
A : ความแม่นยำของการตัดด้วยเลเซอร์นั้น ขึ้นกับคุณภาพของแผ่นที่รองชิ้นงาน หรือที่เรียกว่า Slat เป็นส่วนสำคัญ
คราบสกปรกที่เกาะติด slat เกิดขึ้นในระหว่างที่เครื่องจักรทำงาน การตัดชิ้นงานที่วางบน slat ด้วยเลเซอร์จะก่อให้เกิด คราบเศษโลหะเกาะติดและพอกตัวหนาที่แผ่น slat ซึ่งทำให้คุณภาพของการตัดผิดเพี้ยนและชิ้นงานไม่ได้คุณภาพ
ที่ผ่านมาวิธีการทำความสะอาด slat ต้องใช้เครื่องมือตอกกระแทกเช่น ค้อนหรือสิ่ว ในการสกัดเศษเหล็กออกจากแผ่น slat ซึ่งทั้งยุ่งยาก สิ้นเปลืองแรงงาน เสียเวลา เกิดเสียงดังขณะทำความสะอาด และไม่ปลอดภัย รวมทั้งสร้างความสกปรกภายในบริเวณพื้นที่การทำงาน หรือใช้การเปลี่ยน แผ่น slat ใหม่ทุกครั้งเพื่อตัดความยุ่งยากของการทำความสะอาด เหล่านี้ ซึ่งสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น รวมทั้งเปลืองเวลาที่ใช้ในการถอดเปลี่ยนอีกด้วย ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเครื่องมือ ที่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้โดยคิดค้นเครื่องมือ “Slat Cleaner”สำหรับการทำความสะอาด slat โดยเฉพาะ
TRUMPF ได้คิดค้นและออกแบบเครื่องทำความสะอาดฟันรองชิ้นงาน (Slat) สำหรับเครื่องตัดเลเซอร์ (Slat Cleaner) รุ่น TruTool TSC 100 และ TruTool TSC 2 ที่สามารถขจัดขี้เหล็กที่เกิดจากการด้วยตัดเซอร์ และเกาะติดที่ slat ด้วยระบบชุดลูกกลิ้ง ในการขัดเศษโลหะที่เกาะติดบนแผ่น slat ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแค่นั้น ชุดลูกกลิ้งนี้ยังทำหน้าที่ดัดแผ่น Slat ที่บิดงอให้ยืดตรง รวดเร็วด้วยการทำงานแบบอัตโนมัติปรับระยะของลูกกลิ้งตาม Slat ต่างๆ ที่มีความหนาแตกต่างกันได้ รวมทั้งใช้ได้กับ Slat ประเภทเหล็ก, ทองแดง หรือ สเตนเลส ได้
อ่านเพิ่มเติมที่ : http://www.trumpf-powertools.com/en/products/special-machines.html
A : การจัดวางของตู้ที่เก็บเอกสารในสำนักงาน จะต้องออกแบบให้มีชิ้นส่วนประกอบน้อยที่สุด และภายในดูดี ตู้ตั้งพื้นอิสระในสำนักงาน จะต้องออกแบบให้กลมกลืนกับพื้นที่ทำงานเชิงของ State of the art ควรจะมีมุมพับที่ดูนิ่มนวล มีสไตล์ และเกิดความรู้สึกที่ดี
เครื่องพับ “RAS” FLEXIbend จากประเทศเยอรมนี ให้การพับงานที่มีรัศมีโค้งหรือพับมุมคม 90 องศา และสามารถผลิตตู้ Cabinet เก็บเอกสารอย่างต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแม่พิมพ์ ไม่ต้องเตรียมเครื่องจักรหลายขั้นตอน เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์เหล็ก
FLEXIbend 73.40 มีขนาดความยาวการพับ 4 เมตร สามารถติดตั้งฟันพับแบบ Goat foot tool ความสูง 80 ม.ม. ชนิดปลายแหลมในด้านหนึ่ง ส่วนถัดไปยังสามารถติดตั้งฟันพับแบบปลายรัศมี 8.5 ม.ม. ความสูง 80 ม.ม. ไว้ด้วย แต่เนื่องจากแม่พิมพ์มีรัศมีทำให้ได้ระดับความสูงในการพับ (working height) ที่แตกต่างกัน คือฟันพับรัศมี 8.5 ม.ม. จะมีระยะความสูงในการพับต่ำกว่า 8.5 ม.ม. ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นที่ต้องปรับระดับของฟันพับล่าง รวมทั้งโต๊ะวางชิ้นงานและระบบกักระยะที่ระดับความสูงการทำงานใหม่ที่ถูกต้อง
การออกแบบตู้เอกสารในแนวทันสมัยแบบ State-of-the-art นี้ อาจต้องการการพับ90 องศาแบบมีมุมโค้งมน หรือมุมแหลมฉากก็ได้ RAS FLEXIbend ทำให้งานยากกลายเป็นงานง่ายๆ ความคิดสร้างสรรค์นี้ออกมาจากวิศวกรของ RAS ซึ่งมีปรัชญาว่าการตอบสนองความต้องการที่พิเศษนั้นต้องการทางออกที่พิเศษเช่นเดียวกัน